Sanjewelry buffet

ยินต้อนรับทุกท่านครับ

วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ออกแบบเครื่องประดับ

สอนออกแบบ เครื่องประดับ Jewekry design

โรงเรียนสอนออกแบบและผลิตเครื่องประดับอัญมณี Gems and Gemology and Graphic design of school (GGG) 199/499 ,ม.5 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ. สมุทรสาคร 74110 ปัญหาการผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ ส่วนใหญ่เป็นปัญหาของการขาดแคลนผู้ชำนาญเฉพาะด้าน เช่น ด้านเทคโนโลยีช่วยผลิตชั้นสูง ด้านการผลิตด้วยเทคนิคชั้นสูง ด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออก เป็นต้น การนำเทคโนโลยีชั้นสูงและเทคนิควิธีชั้นสูงมาช่วยผลิต เพื่อเพิ่มศักยภาพให้สามารถแข่งขันกับตลาดโลก จึงเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่ยั่งยืนที่รัฐให้การสนับสนุนในรูปแบบวิทยาการการศึกษาต่างๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้ผู้ประกอบการรายเล็กต้องหันมาสร้างจุดแข็ง โดยเน้นการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้น เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด(Market share) กับผู้ประกอบการที่รายใหญ่ที่ถือครองส่วนแบ่งตลาดส่วนมากไว้ การพัฒนามิใช่แค่ด้านการออกแบบด้านเดียว จะต้องให้ความสำคัญกับเทคนิคการผลิตที่จะควบคุมต้นทุนโดยรวม และความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าและบริการที่ลูกค้าไว้ใจได้ตลอดไป ด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่นในการสร้างอาชีพการออกแบบและผลิตเครื่องประดับอัญมณีให้แก่ผู้ที่สนใจ จึงได้วางรากฐานหลักสูตรการเรียนรู้เกี่ยวอัญมณีและเครื่องประดับ เริ่มตั้งแต่ความรู้พื้นฐานจนกระทั่งความรู้ขั้นสูง เพื่อประโยชน์แก่ผู้สนใจที่จะประกอบอาชีพด้านนี้ วัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อส่งเสริมอาชีพด้านเครื่องประดับอัญมณี อาทิเช่น ดีไซเนอร์ ช่างทำแม่พิมพ์ หัวหน้างานหรือผู้ประกอบการใหม่ เป็นต้น ทั้งนี้ผู้สอนยินดีถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ เทคนิค Know how และอื่นๆ ด้วยความรักและประสงค์ดีแก่ผู้สนใจทุกท่าน ทั้งนี้ได้ตั้งชื่อว่า โรงเรียนสอนออกแบบและผลิตเครื่องประดับอัญมณี (Gems and Gemology and Graphic design of school) หรือ GGG สอนด้วยวิทยากรดีไซเนอร์ระดับประเทศและผู้บริหารโรงงานส่งออกเครื่องประดับส่งออกทั่วโลก เตรียมเปิดสอนแล้วเฉพาะ วันอาทิตย์ เวล 1.2 การออกแบบด้วยjewel cad,rhino,metrix advance sketch course 30 ชั่วโมง /15,000 บาท 1.3 การออกแบบด้วยjewel cad,rhino,metrix mold & sample course 12 ชั่วโมง /10,000 บาท ..รับไม่จำกัดวุฒิการศึกษา 5 คน ต่อคอร์ส ..เรียนจบมีงานรองรับมากมาย เงินเดือนสูง 2. การผลิตเครื่องประดับ 2.1 Process make to order. 12 ชั่วโมง /3,000 บาท 2.2 Wax set technique design. 12 ชั่วโมง /5,000 บาท 2.3 Jewelry process & system management. 12 ชั่วโมง /5,000 บาท ..รับไม่จำกัดวุฒิการศึกษา 5 คนต่อคอร์ส ...เหมาะสำหรับกลุ่มหัวหน้างานหรือเจ้าของ เปิดจองคอร์ส ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป... สอบถาม.. inbox.. 080-6585885,091-8078228 ธนาคาร กรุงเทพ สาขาบิ๊กซี อ้อมใหญ่ ..012-0-59395-9 ภาณุสฤษฏิ์ บุญคำ โรงเรียนสอนออกแบบและผลิตเครื่องประดับอัญมณี Gems and Gemology and Graphic design of school (GGG) 199/499 ,ม.5 ต.คลองมะเดื่อ อ.กระทุ่มแบน จ. สมุทรสาคร 74110 ปัญหาการผลิตในอุตสาหกรรมเครื่องประดับ ส่วนใหญ่เป็นปัญหาของการขาดแคลนผู้ชำนาญเฉพาะด้าน เช่น ด้านเทคโนโลยีช่วยผลิตชั้นสูง ด้านการผลิตด้วยเทคนิคชั้นสูง ด้านการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อการส่งออก เป็นต้น การนำเทคโนโลยีชั้นสูงและเทคนิควิธีชั้นสูงมาช่วยผลิต เพื่อเพิ่มศักยภาพให้สามารถแข่งขันกับตลาดโลก จึงเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาที่ยั่งยืนที่รัฐให้การสนับสนุนในรูปแบบวิทยาการการศึกษาต่างๆ ซึ่งเดี๋ยวนี้ผู้ประกอบการรายเล็กต้องหันมาสร้างจุดแข็ง โดยเน้นการออกแบบและพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้น เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด(Market share) กับผู้ประกอบการที่รายใหญ่ที่ถือครองส่วนแบ่งตลาดส่วนมากไว้ การพัฒนามิใช่แค่ด้านการออกแบบด้านเดียว จะต้องให้ความสำคัญกับเทคนิคการผลิตที่จะควบคุมต้นทุนโดยรวม และความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าและบริการที่ลูกค้าไว้ใจได้ตลอดไป ด้วยความตั้งใจ มุ่งมั่นในการสร้างอาชีพการออกแบบและผลิตเครื่องประดับอัญมณีให้แก่ผู้ที่สนใจ จึงได้วางรากฐานหลักสูตรการเรียนรู้เกี่ยวอัญมณีและเครื่องประดับ เริ่มตั้งแต่ความรู้พื้นฐานจนกระทั่งความรู้ขั้นสูง เพื่อประโยชน์แก่ผู้สนใจที่จะประกอบอาชีพด้านนี้ วัตถุประสงค์หลัก คือ เพื่อส่งเสริมอาชีพด้านเครื่องประดับอัญมณี อาทิเช่น ดีไซเนอร์ ช่างทำแม่พิมพ์ หัวหน้างานหรือผู้ประกอบการใหม่ เป็นต้น ทั้งนี้ผู้สอนยินดีถ่ายทอดความรู้ ประสบการณ์ เทคนิค Know how และอื่นๆ ด้วยความรักและประสงค์ดีแก่ผู้สนใจทุกท่าน ทั้งนี้ได้ตั้งชื่อว่า โรงเรียนสอนออกแบบและผลิตเครื่องประดับอัญมณี (Gems and Gemology and Graphic design of school) หรือ GGG สอนด้วยวิทยากรดีไซเนอร์ระดับประเทศและผู้บริหารโรงงานส่งออกเครื่องประดับส่งออกทั่วโลก เตรียมเปิดสอนแล้วเฉพาะ วันอาทิตย์ เวลา 9.00-16.00 น. 1. คอร์สออกแบบด้วยกราฟิก 1.1 การออกแบบด้วยjewel cad,rhino,metrix basic sketch course 30 ชั่วโมง /15,000 บาท 1.2 การออกแบบด้วยjewel cad,rhino,metrix advance sketch course 30 ชั่วโมง /15,000 บาท 1.3 การออกแบบด้วยjewel cad,rhino,metrix mold & sample course 12 ชั่วโมง /10,000 บาท ..รับไม่จำกัดวุฒิการศึกษา 5 คน ต่อคอร์ส ..เรียนจบมีงานรองรับมากมาย เงินเดือนสูง 2. การผลิตเครื่องประดับ 2.1 Process make to order. 12 ชั่วโมง /3,000 บาท 2.2 Wax set technique design. 12 ชั่วโมง /5,000 บาท 2.3 Jewelry process & system management. 12 ชั่วโมง /5,000 บาท ..รับไม่จำกัดวุฒิการศึกษา 5 คนต่อคอร์ส ...เหมาะสำหรับกลุ่มหัวหน้างานหรือเจ้าของ เปิดจองคอร์ส ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป... สอบถาม.. inbox.. 080-6585885,091-8078228 ธนาคาร กรุงเทพ สาขาบิ๊กซี อ้อมใหญ่ ..012-0-59395-9 ภาณุสฤษฏิ์ บุญคำ

สอนออกแบบเครื่องประดับ

วันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

เปิดสอนออกแบบเครื่องประดับอัญมณี

เตรียมเปิดสอนแล้วเฉพาะ วันอาทิตย์ เวลา 9.00-16.00 น. 1. คอร์สออกแบบด้วยกราฟิก 1.1 การออกแบบด้วยjewel cad,rhino,metrix basic sketch course 30 ชั่วโมง /15,000 บาท 1.2 การออกแบบด้วยjewel cad,rhino,metrix advance sketch course 30 ชั่วโมง /15,000 บาท 1.3 การออกแบบด้วยjewel cad,rhino,metrix mold & sample course 12 ชั่วโมง /10,000 บาท ..รับไม่จำกัดวุฒิการศึกษา 5 คน ต่อคอร์ส ..เรียนจบมีงานรองรับมากมาย เงินเดือนสูง 2. การผลิตเครื่องประดับ 2.1 Process make to order. 12 ชั่วโมง /3,000 บาท 2.2 Wax set technique design. 12 ชั่วโมง /5,000 บาท 2.3 Jewelry process & system management. 12 ชั่วโมง /5,000 บาท ..รับไม่จำกัดวุฒิการศึกษา 5 คนต่อคอร์ส ...เหมาะสำหรับกลุ่มหัวหน้างานหรือเจ้าของ เปิดจองคอร์ส ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป... สอบถาม.. inbox.. Tel. O80-658-5885,091-807-8228 คุณภาณุสฤษฏิ์ บุญคำ(ค้นหา กูเกิลได้) ราคาคอร์สถูกมากๆ..จองก่อน 10 ท่านแรก รับส่วนลด 10% ทันที

วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

ronaldo and bale super star football.

Real Madrid's two biggest stars came face-to-face on Wednesday and it wasn't just their football talent which was being compared.The car park became a designers' paradise, with Dolce & Gabbana, Louis Vuitton, Gucci and more shown off by the pair as they strolled in for training.Gareth Bale may have won the price-tag battle, coming in at £86million compared with Cristiano Ronaldo's £80m, but he's still left in the shade by the Portuguese ace when it comes to fashion.VIDEO Scroll down to watch Bale and Ronaldo train together for the first timeThe money men: Gareth Bale and Cristiano Ronaldo wearing all sorts of designer clothesFrightening double act: Bale and Ronaldo met for the first time at Real training on WednesdayTeam-mates reunited: Gareth Bale with Luka Modric at Real Madrid training on ThursdayMan in charge: Bale speaking to his new Real Madrid boss Carlo AncelottiDeadly duo: Bale doing some stretching in front of RonaldoCurrent king: Ronaldo was also on the training ground in MadridBale and Ronaldo train together for the first timeTwo left feet? Bale's Dolce & Gabbana jeans prove his legs aren't priceless, but they're getting close Get the Bale look 1. Dolce & Gabbana T-shirt - £122Bale has gone for the T-shirt look compared to Ronaldo's more formal attire, but possibly only those two could afford the whopping price-tag of Dolce & Gabbana.2. Louis Vuitton washbag - £420Every professional footballer worth his weight has to have a luxury washbag in one arm as they walk into the training ground. They just look wrong without it. Conditioner, hair gel and aftershave are a must.3. Dolce & Gabbana jeans - £355The battle between the star pair continues below the belt with Bale choosing a grey shade to match his hoodie. He does beat Ronaldo on price, that is if spending more is the object.4. Carrier bag (5p in Wales)From October 2011, all plastic bags in Wales carry a 5p charge to try and reduce amount used. It seems to have worked, as Bale has taken his all the way from the UK to Madrid.5. Hoodie brand - unknownOn this front Bale has gone for the slightly maverick look. Having come from Cardiff, he will take time to adapt to the heat of Spain where jumpers aren't necessary.Total = £902Upper hand: Gareth Bale's £420 Louis Vuitton washbag blows Ronaldo's £265 Gucci out of the waterTimeless: Ronaldo has the advantage of modelling for Jacob and Co Get the Ronaldo look 1. Chrome Heart Sunglasses - £552Ronaldo is rarely seen without sunglasses when off the field and sometimes looks like he could happily play with them on, too. Theses aren't your bog-standard Specsavers pair, however. He could have bought 552 Chelseas back in 1982 with this money.2. Gucci washbag - £265When it comes to his toiletries, Ronaldo has gone for the cheap-skate look. Only £265. That's barely a bottle of shower gel compared to Bale's £420.3. Dolce & Gabbana belt - £450He may shirk the high prices when it comes to washbags, but not on belts. Ronaldo proudly shows off his £450 Dolce and Gabbana whereas Bale can just stand and admire.4. Jacob and Co watch - £10,600Ronaldo models for Jacob and Co, proudly showing off his orange watch-face on their website. He's not known for ever being late, although that may have more to do with his Ferrari collection.5. DSquared jeans - £325Again coming in at slightly less than Bale, Ronaldo was wearing the traditional blue coloured jeans, tatty by design, but smart enough to be taken seriously. Expect Bale to ditch the grey within the coming weeks.6. Shirt brand - unknownRolling up the sleeves in a casual way (yet they are perfectly symmetrical), Ronaldo appears laid back and stylish at the same time. The 'modern man' look.Total = £12,192 (£1,592 without the watch)Shade: £552 is a lot to pay to keep the sun out of your eyes, but Chrome Heart Sunglasses make it worth it

วันอาทิตย์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2556

Georgio Armani

Georgio Armani To look better dressed is perhaps one thing that everybody would love to do in this world. This ancient craving in human being led to the creation of big fashion houses. Armani is not just any fashion house that we are discussing now but rather the name which decide the ultimate in any form of fashion. Before we start the journey into this up-class world of fashion wear and fashion accessories let’s have a glimpse of the Armani world. Armani is the world second largest selling designer selling approximately two billion dollar retail per year inover hundred countries. The brand under its shade make ready to wear labels, cosmetics and perfumes, a home collection and most recently an Armani bicycle. Armani, now an empire in the world of fashion is created by a modest boy Georgio Armani who was perhaps destined to make these wonders. Born on 11th July 1934 in Piacenza, Italy, Armani was first trained in medicine but the creativity in him soon made him to leave it and pursue photography. But soon he was called for the national services in 1957.Back home after a short term he started working in a departmental store La Renascente as a window dresser. But it was his works in a leading fashion house from 1961 to 1970 as a designer that shaped the dreams inside him and made him the champion of the race.To talk about a bit of his childhood days he was born and grown up in the fascist Mussolini’s dictatorship era. An era of complete fear and distrust among people around you. His father was an accountant in a transport company and mother, an housewife with a bit of strictness in her nature. His first career choice was to a doctor as he joined the University of Piacenza to study medicine which was soon interrupted by two years of compulsory military training. After this he never returned to medicine. At the age of 25 he left his house for the search of doing something creative. Back to the departmental store where he worked, Armani was spotted by Nino Cerruti in the year 1961 and was hired as a designer for his new menswear line, Hitman. He went freelancing in 1970 and started his brand in 1974 after holding the first show in his name. This was after he met Sergio Galeotti who inspired him a lot in his work. Soon the business started blooming and Armani established an office in Hollywood to attract the celebrities and actors. This move of him helped him a lot as the international fame he got first started with the clothing’s of Richard Gere in 1980 for the film American Gigolo. In 1985 Armani came up with the mid range Emporio Armani but by this time Galeotti was terminally ill and soon after his death Armani had nothing but to work harder to fulfill the dreams that they saw together. The passion to create new and different was the only reason to work.Armani house has certainly grown up to a proportion that needs to be saluted. From just a sale of $ 14000 in its first year of opening in the year 1975 it is now a $ 2 billion. The company manages some 305 shops in 35 countries with its five miraculous brands catering age groups from 18 to 60. The five brands that casts the spell in the fashion world are the Giorgio Armani, an ultra expensive couture line most normally seen on movie stars, Armani Collezioni, a chic ready to wear line specializing in hand made sweaters and sexy, slim fitting suits, Emporio Armani, a sportswear line and Armani Exchange, an affordable mass market version of the seasons hottest trends. Added to these are the Armani Occhiali, the eye wear line, the ski wear line and the latest Armani Neve line in 1996 for winter sportswear. The company now is also diversifying into household goods with Armani casa line. And to much of our amazement he has signed a contract with a Dubai company to create 14 branded Armani hotels.The interesting part of the Armani collection is that the entire company is identified with one individual. Perhaps this was required for the betterment of the company as clients are devoted to the five brands and they come back every season. In 1999 however he completely changed the management team and brought executive from other fashion houses for a more commercial approach. As far as the succession of his empire is concerned, so far at 85 Armani is still not ready to name one as he wanted to be free in his controls and creates the wonders in the world of fashion. The three rules that he still use in his signature designs are eliminate the superfluous, emphasize the comfortable and acknowledge the elegance. The man behind the fashion empire is also philanthropic by nature and this was perhaps correctly identified in appointing him as a goodwill ambassador for the United Nations High Commissioner for Refugees in the year 2001. Credits and credentials are not new as he already was the first Italian fashion designer in 1982 to appear on the cover of time magazine and perhaps the second of his kind after Christian Dior in 1940’s. In 2001 he was also declared as the most successful designer in Italy by the Forbes magazine. Following this in 2006 he designed the outfits worn by participants bringing in the Italian flag at the winter Olympic opening ceremony in Italy. Today Armani’s talent is shown in the English and Italian soccer teams and Alitalia flight attendants. Hollywood stars like Jodie Foster, Michelle Pfeiffer, Richard Gere, Goldie Hawn and Sharon Stone are some of the fans of his designs.A man who makes the world beautiful with his creations and who has that passion of creating new unconventional designs to mark up the elegance can definitely be one of the rarest talents of the mankind. Fashion

วันเสาร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

Gucci

Gucci The man who was responsible some hundred years ago, for one of today’s world’s most coveted $ 3 billion mega-fashion brand-name Gucci, was an Italian by name Guccio Gucci, a humble owner of a saddle shop – a man probably to whom it never occurred in his wildest dreams that his atelier would grow into the world famous and highly successful, House of Gucci. It all started when he developed a great love and passion for expensive leather luggage, as he handled such pieces for the rich clientele of Hotel Savoy, London where he worked initially as an employee. This has been perceived to be the real reason the House of Gucci has been particularly associated with the production of very exclusive and expensive leather goods, normally within the reach of only the very wealthy.Born in 1881 in a small merchant’s family, Guccio set up his own saddler shop in Florence in 1906 and engaged the best craftsmen to work under his expert supervision and great talent to produce quality goods. He made leather bags for horsemen besides saddles and other leather gear they required for horse riding but when means of transport graduated to horseless travel as modernization was wont to take place, he accepted the change and designed luxury luggage instead keeping the need and the trend of the day foremost in his mind to suit his customers. His business prospered and in 1938, he opened a new retail outlet in Rome and there was no looking back for Guccio Gucci after that!He created many classic pieces that are talked of even today, like the leather bag with the bamboo handle that had his inimitable style written all over it. The creative genius in him, urged him on to make ties, shoes, handbags under the Gucci label and great success followed him at every step.Guccio was married to Aida Calvelli and they were blessed with six children – two girls and four boys. It was the sons (Vasco, Aldo, Ugo, Rodolfo) who took control of the Gucci Empire when Guccio died in 1953 and as is often seen in family run business ventures, ugly disputes regarding inheritances, stockholdings, day to day running of the ventures, brought divisions in the family that eventually told on the well-being of the business empire as well.Gucci opened boutiques in London, Paris and New York. Stores in Hong Kong and Tokyo also left an indelible impression on the fashion conscious shoppers of the Far East in the ‘60s and left them asking for more. Gucci products were so exclusive that names like that of Hollywood actresses Grace Kelly, Audrey Hepburn and Jacqueline Kennedy were widely known as ardent shoppers of Gucci ware. The Gucci Flora silk scarf was immensely popular because Grace Kelly loved to wear it and Jackie Kennedy’s favorite shoulder bag, Jackie O from Gucci became famous due to the former First Lady’s great preference for it. Gucci had no dearth of celebrities and stars among its clients. Today, Gucci products include leather fashions, perfumes, jewelry, scarves, exquisite time- pieces, shoes, ties and a host of other attractive items that mark the exclusive mark and quality of the Gucci label.The House of Gucci stayed on its pinnacle of success as one of the luxury goods establishment till around 1970s when the rot started to set in thanks to family divisions and wrangles that sought to settle scores at the expense of their business house.Guccio Gucci’s two sons, Aldo and Rodolfo controlled the company with equal share of ownership at this point but their mutual distrust of each other was their undoing. A few business decisions taken against this backdrop proved to be disastrous and hurt their financial and business interests greatly, resulting in huge loss for the company.In order to cut his brother Rodolfo to size and sideline him, Aldo started the Gucci Accessories Collection (GAC) that consisted of small items, like cigarette lighters, pens, cosmetic bags and the like. This section was supposed to bolster the sales of the Gucci Parfums sector, managed by Aldo’s sons. At first the idea seemed to work well but then as the mass production and whole-selling of these articles took place, the sheen of the exclusive tag, Gucci designer products enjoyed so far was lost, proving to be a disastrously destabilizing factor that shook the Gucci dynasty like nothing before and brought about the beginning of its downfall. As Graydon Carter of Vanity Fair aptly put it, “Gucci had lost its appeal, becoming a tacky airport brand” from a very sought after and cherished brand for which the rich were willing to pay anything. Tarnishing the name of the company even further and plunging it into a financial low, the market was flooded with fakes of many kinds that claimed to be the original Gucci. This was the last nail hammered in the Gucci coffin, so to say.Meanwhile back in Italy the gossip pages of the newspapers sizzled with stories of the quarrels between Rodolfo and Aldo. At one point when Aldo was arrested for evasion of taxes, exposed as he was by his own son, the headlines in the gossip columns attracted as much attention and interest among the people as when a sensational Gucci creation was unveiled in the past. Tragedy too struck the family, when Rodolfo passed away in 1983. The company underwent another shakeup when his son Maurizio Gucci stepped into his father’s shoes and took charge of the 50% of the business that he inherited. Backed by Aldo’s son Paolo and to rein in the Board of Directors, Maurizio started the Gucci Licensing division in Netherlands presumably for tax purposes but the move had all the family members opting out of the business, finally leaving only Maurizio at the helm as the President. He realized he had act quickly on a damage control exercise, stop the infighting in the company and boost its sagging financial health to save the business that had now solely become his. He decided to look beyond his own relatives and employees for people who could resurrect the House of Gucci and breathe new life into it, if that were possible.By about 1989, Maurizio handpicked a team whom he hoped would perform the miracle of the Gucci fashion house revival. Dawn Mello, a star in retail business was persuaded to be the creative director. The creative team that had skilled designers from the Geoffrey Beene and Calvin Klein, also included a young man called Tom Ford. He had dropped out of the prestigious Parsons School of Design where he was studying to be an architect and instead decided his calling in life lay in fashion designing.Despite all that he had gone through Maurizio really did not really learn any lessons from his past experiences. He still riled his distributors, undertook drastically wrong corporate decisions that made the company again totter and look at bankruptcy in the face. Though he was a man good at heart and meant well, his actions spelt doom for the company. His senior managers conferred with each other and agreed Maurizio had to bow out – there was no other way, harsh though the decision was. Maurizio did just that after being forced to sell his shares of the company he part owned, to Investcorp in 1993. This marked the end of the business involvement of the Gucci family in the companyTom Ford and Dawn Mello were successful and gave the Gucci label a fresh lease of life with their hard work and innovative ideas. The newly appointed team ruthlessly reorganized the company, bringing down costs and streamlining the production line. Things began to look much better for the company immediately. When Tom Ford’s design of a snaffle clog became an instant hit, the writing on the wall was there for everyone to see- the House of Gucci was well and on the road to recovery.The Gucci family drama was sadly yet to end. Just when one thought that good days were ahead for them, Maurizio died, murdered by his wife in 1995 and she was convicted for the crime and is now serving a 29-year sentence as punishment.Tom Ford was given the position of creative director of Gucci just when he was