เพชรน้ำงามกับเจ้าหญิงแสนสวย

เครื่องประดับสุดหรูที่ปรากฎในภาพยนตร์ Diana ใช้เพชรไปกว่า 30 กระรัต ทับทิมเกิน 1000 เม็ด และมรกต 150 เม็ดเฉพาะแหวนที่เจ้าหญิงไดอาน่าสวมก็ใช้เพชรไปทั้งสิ้น 18 กระรัต โดยเครื่องประดับทุกชิ้นถูกทำขึ้นมาใหม่ทั้งสิ้น กลายเป็นภาพยนตร์ที่มาแรงที่สุดของเดือนกันยายน เมื่อผู้ชมเกิดอาการ ไดอาน่า ฟีเว่อร์ กันทั่วประเทศหลังจากชมรอบสื่อมวลชนไปเมื่อค่ำวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา โดย Diana ได้สร้างปรากฏการณ์หลายๆอย่าง ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกในรอบปีที่จัดฉายรอบสื่อมวลชนที่พารากอน ซีนีเพล็กซ์ ในวันพฤหัสบดี เป็นภาพยนตร์ที่ทำร์ที่ทำให้เกิดกระแสคนบันเทิงรุมรักเจ้าหญิง

เพชรกับแหล่งกำเนิด

โครงสร้างของเพชร เกิดจากการที่พันธะทั้งสี่ของคาร์บอนจับกันด้วยพันธะโควาเลนต์จึงทำให้โครงสร้างของเพชรมีความแข็งแรงมาก โดยความยาวพันธะมีค่าเท่ากับ 150 พิโกเมตร และรูปทรงของเพชรเป็นแบบ Tetrahedral คุณสมบัติของเพชรคือมีความแววาว มีความแข็งถึง 10 โมล์ ซึ่งจัดเป็นวัสดุที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติที่มีความแข็งมากที่สุด เพชรจะไหม้ที่อุณหภูมิ 800 องศาเซลเซียส และหลอมเหลวที่อุณหภูมิประมาณ 4000 องศาเซลเซียส ความหนาแน่น 3.30 กรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร

เพชร คำว่า diamond ในภาษาอังฤษ มาจากภาษากรีก " adamas " แปลว่า "ไม่แตก" เป็นที่รู้จักกันดีและเชื่อถือกันมาตั้งแต่โบราณกาลแล้ว ว่าเพชร คือรัตนชาติชนิดที่ดีที่สุด ในบรรดาหินมีค่าทั้งหลาย นักเขียนโรมันโบราณ ชื่อ Lukresio และ Plenio กล่าวไว้ว่าเพชรมีความคงทน ถูกไฟไม่ไหม้ ทุบก็ไม่แตก ถึงหากจะเอาฆ้อนเหล็กทุบเพชร ก็มีแต่ฆ้อนจะแตกเสียก่อนเท่านั้น ความแข็งแกร่งขอองเพชร สมดังชื่อที่เรียกว่า " adamas " คือ " ไม่แตก " นั่นเอง ความเชื่อเช่นนี้ดำรงอยู่นาน เนื่องจากไม่มีผู้ใดจะ กล้าเสี่ยงเอาวัตถุมีค่าสูงเช่นเพชร มาทำการทดลองให้ประจักษ์แก่ตานั่นเอง ในปี พ.ศ. 2237 Academy of Science เมืองฟลอเร็นซ์ ได้ทำการทดลองใช้กระจกเงา สะท้อนแสงอาทิตย์ไปยังก้อนเพชร เพื่อพิสูจน์คำกล่าวของ นักปราชญ์อังกฤษ ชื่อโรเบิรต์ บออยร์ ที่ว่า เพชรจะระเหยเป็นไอไปหมด เมื่อถูกความร้อนมากๆ ซึ่งปรากฏว่าไม่เป็นความจริงต่อมานักเล่นแร่แปรธาตุชาวฝรั่งเศส ลาวัวซิเย ทดลองเผาเพชรด้วยความร้อนสูง ในบรรยากาศพบว่า เพชรมิได้ระเหยหมดไป แต่จะไหม้และเกิดเป็น คาร์บอนไดออกไซด์ การทดลองครั้งนี้แสดงให้เห็นว่า เพชร คือรูปหนึ่งของคาร์บอนแท้ๆ เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ความจริงข้อนี้เป็นที่ตื่นตะลึงกันทั่วโลก และมีความคิดโต้แย้งกัน ว่าไม่น่าจะเป็นไปได้และไม่ถูกต้องที่จะเอาเพชรอันมีค่าไปเปรียบกับคาร์บอน ซึ่งในขณะนั้นทราบกันแต่เพียงว่า คาร์บอนมีลักษณะเป็นแกรไฟต์ หรือถ่านหินเท่านั้นแต่ความจริงก็เป็นความจริงอยู่นั่นเอง กล่าวคือผลึกของคาร์บอนนั้นมีทั้งสองชนิด คือในรูปแกรไฟต์และเพชร จากผลการค้นคว้าต่อมาด้วยเครื่องเอ็กซเรย์พบว่าผลึกของ คาร์บอนทั้งสองชนิดคือเพชรและ แกรไฟต์นี้เป็น คาร์บอนเหมือนกัน เพียงแต่อะตอมของคาร์บอนในโครงสร้างของแต่ละชนิดเรียงตัวต่างกัน ในโครงสร้างของเพชร ทุกๆอะตอมคาร์บอนจะมีอะตอมอีกสี่เม็ดล้อมอยู่ ทั้งสี่เม็ดนี้คล้ายกับว่ามันเรียงกันอยู่บนยอดของ tetrahedrron ทุกอะตอม คาร์บอนที่อยู่บนยอด tetrahedron เป็นทั้งจุดศูนย์กลางของ tetrahedron อื่นด้วย อะตอมทั้งหมดที่เกาะกันเป็นเพชรนั้น เรียงตัวห่างเป็นระยะเท่าๆกันคีอ 0.00000000142 ซ.ม. ความถ่วงจำเพาะของเพชร 3.51 สำหรับในโครงสร้างของแกรไฟต์ อะตอมของคาร์บอนเรียงกันเป็นชั้นๆและขนานกัน ติดกันเป็นรูปหกเหลี่ยม ทุกๆ อะตอมของคาร์บอนในแต่ละชั้นมีเม็ดพ่วง อีกเพียงสามเม็ด อยู่ห่างกัน 0.00000000042 ซ.ม. แต่ช่วงห่างระหว่างชั้นประมาณ 4.2 เท่าคือ 0.0000000339 ซ.ม.เมื่อเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างโครงสร้างผลึกทั้งสองชนิดนี้แล้ว อะตอมของแกรไฟต์เฉพาะในแต่ละชั้นทำให้แกรไฟต์มีความเหนียวแน่นแข็งแกร่งกว่าเพชรเสียอีก เพราะระยะของอะตอมแกรไฟต์ถี่กว่า แต่ถ้าพูดถึงระหว่างชั้นของแกรไฟต์แล้ว ก็แข็งสู้เพชรไม่ได้ เพราะมีระยะห่างกว่าระหว่างชั้นอะตอมของเพชร ฉะนั้นเราจึงตัดแกรไฟต์ ตรงระหว่างชั้นได้ง่าย คุณสมบัตินี้ทำให้สะดวกในการนำไปทำดินสอ ความถ่วงจำเพาะของแกรไฟต์เท่ากับ 2.24 ( เพชร 3.51 ) การที่ความแน่นน้อยกว่าเพชร เนื่องจากระยะห่างของอะตอมในแกรไฟต์มากกว่าเพชรจากที่กล่าวมาข้างต้น อาจทำให้เราเห็นได้แล้ว่า โครงสร้างผลึกของเพชรและแกรไฟต์มีอิทธิพลต่อคุณสมบัติทั้งทางฟิสิกส์และเคมีหลายประการคือ เพชรใสขาวสะอาดมีความแข็งสูงมาก ไฟฟ้าผ่านไม่ได้ แต่แกรไฟต์สีดำความแข็งไม่มากและไฟฟ้าผ่านได้ แม้ว่าเพชรโดยตัวของมันจะประกอบด้วยคาร์บอนอย่างเดียว แท้ๆแต่เมื่อเผาแล้วจะมีเถ้าเหลืออยู่ด้วยเสมอ บางทีถึง 4.8% นี่แสดงว่าในเพชรยังมีส่วนผสมอย่างอื่นอยู่ด้วยและสิ่งผสมอย่างอื่นที่ว่านี้ ทำให้เพชรมีสีต่างๆกันไป ถ้าเป็นเพชรขาวหมดจดจะมีราคาสูงกว่าอย่างอื่น   เพชรชนิดนี้มีสิ่งผสมอย่างอื่นน้อย คือระหว่าง 0.02-0.05% หรือน้อยกว่านี้ เพชรมีสีต่างๆกันอาจมี สีดำน้ำตาล แดง เหลือง น้ำเงิน ฟ้า เขียว และอื่นๆ และในแต่ละสียังมีความเข็มจางต่างๆกันไปด้วยสิ่งผสมซึ่งเป็นเหตุให้เพชรมีสีต่างๆนี้แทรกเข้าไปผสมอยู่รอบๆ บริเวณที่ผลึกของเพชรงอกนั่นเอง ในทางเคมี เพชรมีความคงทนต่อปฎิกริยาเคมีมาก ไม่ละลายในกรดหรือสารใดๆ ถึงแม้จะต้มก็ไม่ละลายเว้นแต่จะต้มในสารละลายโซดา หรือต้มในโปแตสเซี่ยมไนเตรตหรือเผาในออกซิเจนบริสุทธิ์ ที่อุณหภูมิสูงกว่า 700 องศาเซลเซียส แต่ถ้าในบรรยากาศจะต้องเผาด้วยความร้อนสูงกว่า 1,200 องศาเซลเซียส เมื่อความร้อนสูงถึงระดับที่กล่าวเพชรจะกลายรูปผลึกเป็นแกรไฟท์อีกทีหนึ่ง
see at http://www.patchra.net/minerals/MinDesc/pcsDet01a.php

เพชร คือ ประกายแห่งรักแท้

Diamond Shapes

ความงามของเพชร อันเป็นสัญลักษณ์แห่งนิรันดร์ เกิดจากความสร้างสรรของมนุษย์ ผู้ซึ่งสามารถนำเพชรดิบที่รูปทรงไม่ต่างจากก้อนหินเล็กๆ มาเผยเนื้อผิวที่หลบซ่อน    อยู่ภายในได้อย่างงดงาม ลองมาดูเกล็ดเล็กๆน้อยๆ ความหมาย  และวิธีการ  เลือกซื้อเพชรในรูปทรงต่างๆ

ROUND SHAPE(เพชรทรงกลม)    รูปทรงที่ได้รับความนิยมตลอดกาล ด้วยทรงกลมเกลี้ยง ที่แทนความต่อเนื่องอันนิรันดร์ เพชรทรงกลมจึงเป็นสัญลักษณ์ของแหวนหมั้นเพชร จากคนรุ่นหนึ่งสู่คนอีกรุ่นหนึ่ง รูปแบบของทรงกลมบ่งบอกถึงความคลาสิกและ ความอ่อนโยน  การเลือกเพชรทรงกลมที่มีการเจียรนัยที่ดี ควรดูที่ความสมมาตร   ในการเจียรนัย และ ความเรียบร้อยในการเก็บงานของทุกเหลี่ยมมุม ด้วยเพชรกลมที่ได้รับการเจียรนัยอย่างปราณีตจะส่องประกาย แสดงความงาม เป็นที่สะดุดตากว่าเม็ดที่ไม่ได้รับการเจียรนัยอย่างพิถีพิถัน

HEART SHAPE(เพชรทรงหัวใจ) รูปทรงหัวใจโดยทั่วไป แสดงความน่ารัก อ่อนโยนอยู่ในตัว แม้ราคาเพชรทรงกลมจะมีราคาสูงที่สุด แต่การคัดสรรให้ได้มาซึ่งเพชรทรงหัวใจที่มีสมมาตรที่ดี ต้องใช้เวลาและความอดทน เพราะการเบี้ยวของเส้นขอบเพชรเพียงเล็กน้อย จะแสดงออกให้เห็นได้ชัดบนตัวเรือนเรียบเกลี้ยงของแหวนหมั้น  และหากคุณเป็นผู้ครอบครองเพชรทรงหัวใจที่มีสัดส่วนเฉกเช่นเดียวกับทรงหัวใจในอุดมคติ (สัดส่วนกว้าง - ยาว ๑-๑) จงภูมิใจเถอะค่ะ และคงจะแนะนำให้เลือกตััวเรือนที่เรียบ ดูสะอาดตา เพื่อแสดงความสง่าที่น่ารักของเพชรเม็ดที่คุณเลอกสรรมาอย่างดี

PRINCESS SHAPE(เพชรรูปทรงพริ้นเซส) รูปแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัสแสดงถึงความมีเสน่ห์ที่แฝงอยู่ใน  ความเรียบง่าย ความมีเหตุมีผล และการตัดสินใจที่ชัดเจนมั่นคง แม้ประกายไฟจะไม่ จับตาเท่าเพชรทรงกลม แต่ความเรียบของเส้นขอบที่สามารถเชื่อมต่อกับตัวเรือน ได้สนิท ทำให้เพชรทรงพริ้นเซสมักถูกเลือกเป็นแหวนหมั้นให้ฝ่ายชาย เพชรทรงพริ้นเซสที่ได้รับการเจียรนัยที่ดี จะสามารถสะท้อนแสงได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ วิธีสังเกตุอย่างง่ายๆวิธีหนึ่งคือ การวางเพชรลงบนหว่างนิ้ว เพชรพริ้นเซสที่ได้รับการเจียรนัยที่ดี จะไม่สามารถมองผ่านทะลุเห็นผิวของนิ้วที่รองรับอยู่ได้

MARQUISE SHAPE(เพชรรูปทรงมาคีส์) อันมีรูปแบบคล้ายเม็ลดข้าวสาร แสดงความเก๋ในบุคคลิกของผู้ใส่ในความไม่เหมือนใคร ที่มีความอ่อนหวาน ปน ความมั่นใจซ่อนอยู่ การเลือกตัวเรือนที่มีการบังเหลี่ยมมุมบนปลายทั้งสอง จะสามารถป้องกันการกะเทาะ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ จากการใส่ ในขณะดียวกันก็ยังเปิดโอกาสให้แสงส่องเข้าถึงตัวเพชร ได้มาก เพื่อเสริมให้ประกายเพชรดูโดดเด่น เทคนิคในการเลือกเพชรทรงมาคีส์ คล้ายกับหลักการในการเลือกทรงพริ้นเซส โดยการวางเพชรลงบนหว่างนิ้วของผู้ใส่ เพชรมาคีส์ที่ได้รับการเจียรนัยที่ดีจะสามารถสะท้อนแสงกลับคืนตาได้เกือบ ทั้งหมด ดังนั้นเราจะไม่สามารถมองเห็นผิวของนิ้วผ่านทางเพชรได้ สัดส่วนของเพชรมาคีส์ ในอุดมคติคือ ๑-๑.๕แต่ไม่ว่าจะเป็นเพชรรูปทรงใด สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ความรู้สึกสบายใจและมั่นใจ ในการสวมใส่ ปนกับความภูมิใจที่มีคนตั้งใจมอบให้ ด้วยความรักที่เราเป็นตัวเรา และเขาเป็นอย่างที่เขาเป็น เพราะนี่ต่างหากที่ทำให้เราตกหลุมรักในกันและกัน เห็นด้วยไหมค่ะ   

ที่มาบทความ- See more at: http://www.trezjewelry.com/index.php/site/articles_detail/2/17/en/Diamond-Shape#sthash.HBE6y9qa.dpuf

แหวนแต่ง แหวนหมั้น

Sanjewelry buffet

รับทำแหวนหมั้น แหวนแต่ง แหวนประดับพลอย

ทองคำขาว ทอง14-18เค..

เพชรสวย..มีใบรับประกันคุณภาพGIA..

080-6585885 k. สันต์ sanaw588@yahoo.com

wedding ring with diamond setting

gold :white gold;yellow gold14k-18k

cer.GIA